5. แบบจำลองสกิลเบค
แบบจำลองปฏิสัมพันธ์หรือแบบจำลองที่ไม่หยุดนิ่งที่กำหนดโดยสกิลเบคซึ่งเป็น
อดีตผู้อำนวยการศูนย์พัฒนาหลักสูตรของประเทศออสเตรเลียเป็นนักการศึกษาที่
เป็นที่รู้จักกันดีในปี ค.ศ.1976 ได้แนะนำวิธีการสร้างหลักสูตรระดับโรงเรียนซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนการพัฒนาหลักสูตรโดยอาศัยโรงเรียนเป็นฐาน
(School-Based Curriculum Development: SBCD)
สกิลเบคจัดเตรียมแบบจำลองที่ทำให้ครูสามารถพัฒนาหลักสูตรที่เหมาะสมบนพื้น
ฐานของความเป็นจริง
แบบจำลองดังกล่าวนี้อาจได้รับการพิจารณาว่าเคลื่อนไหวไปตามธรรมชาติซึ่งเป็น
ความตั้งใจอันแน่วแน่ของสกิลเบค
แบบจำลองปฏิสัมพันธ์หรือแบบจำลองที่ไม่หยุดนิ่ง (เคลื่อนไหว)
เป็นแบบจำลองที่ผู้พัฒนาอาจจะตั้งต้นด้วยองค์ประกอบใดๆ ของหลักสูตร
และดำเนินไปตามลำดับใดๆ ก็ได้มากกว่าที่จะตรึงติดอยู่กับขั้นตอน เช่น แบบจำลองเชิงเหตุผล สกิลเบคสนับสนุนความคิดนี้และกล่าวว่า
เป็นความสำคัญที่ผู้พัฒนาหลักสูตรต้องรับรู้แหล่งที่มาของจุดประสงค์เหล่า
นั้นและในการที่จะเข้าใจแหล่งที่มานี้มีการวิเคราะห์สถานการณ์
สกิลเบคให้เหตุผลว่าเพื่อให้ศูนย์พัฒนาหลักสูตรทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ต้องอาศัยกระบวนการห้าขั้นในกระบวนการหลักสูตร แบบจำลองความประยุกต์ให้มีความเท่าเทียมกันในกระบวนการหลักสูตร
ระบบการสังเกต และประเมินผลหลักสูตร และการวิเคราะห์ทฤษฎีหลักสูตร
สกิลเบคไม่เห็นด้วยกับลำดับเหตุผลของแบบจำลองเหตุผลว่าเป็นเหตุผลโดย
ธรรมชาติแนะนำว่าผู้พัฒนาหลักสูตรอาจจะเริ่มต้น การวางแผนหลักสูตรในขั้นๆ
ก่อนก็ได้ และจะดำเนินในลำดับใดๆ ก็ได้ บางครั้งแบบจำลองนี้ก่อให้เกิดความสับสนคือ ในความเป็นจริงแล้วดูเหมือนสนับสนุนวิธีการเชิงเหตุผลในการพัฒนาหลักสูตร อย่างไรก็ตาม สกิลเบคกล่าวว่า แบบจำลองไม่ได้แสดงนัยของการวิเคราะห์วิธีการและจุดหมายปลายทาง
แต่แสดงนัยในการสนับสนุนทีมหรือกลุ่มผู้พัฒนาหลักสูตรให้พิจารณาข้อความจริง
เกี่ยวกับองค์ประกอบและลักษณะของกระบวนการพัฒนาหลักสูตรที่แตกต่างกัน เพื่อให้มองกระบวนการว่าเป็นสิ่งมีชีวิต
และทำงานในลักษณะของวิธีการเชิงระบบ
เป็นการยากที่จะสรุปแบบจำลองนี้ วิธีที่ดีที่สุด
คือการแจกแจงเป็นตารางตามที่สกิลเบค
ได้สร้างไว้ คือ
มิติการกำหนดการพรรณนา ยืนยันว่าแบบจำลองอาจจะได้รับการวิเคราะห์ในรูปขององศา ซึ่งต้องการขั้นตอนตามลำดับเหตุการณ์แบบจำลองที่ค่อนไปการกำหนดมากต้องการนักพัฒนาหลักสูตรที่ติดตามกิจกรรมอย่างเดียว แบบ จำลองที่มีข้อกำหนดต่ำ (มีการพรรณนาสูง) จะมีความยืดหยุ่นมากกว่าและเน้นว่าอะไรได้บังเกิดขึ้นมากกว่าอะไรควรจะเกิด
ขึ้นพร้อมกับการพัฒนาหลักสูตร
ส่วนมิติเหตุผล/การไม่หยุดนิ่ง แย้งว่า
แบบจำลองรูปแบบมีเหตุผลมีขั้นตอนและอยู่บนพื้นฐานของจุดประสงค์ในการพัฒนา หลักสูตร
แบบจำลองการพัฒนาหลักสูตรอาจจะมีเหตุผลน้อย และมีปฏิสัมพันธ์มากในการสุ่มแบบไม่มีขั้นตอน
ภาพประกอบ 22 ได้
จัดเตรียมการพัฒนาหลักสูตรแบบง่ายๆ
ด้วยสารตาที่ต่างออกไปเพื่อการเลือกแบบจำลองที่เหมาะสม
ท่านชอบแบบจำลองการพัฒนาหลักสูตรแบบใดมากกว่า
ก็สามารถใช้ดุลพินิจในการตัดสินทางมิติทั้งสองที่ได้พรรณนาแล้วข้างต้น
แบบจำลองการพัฒนาหลักสูตรของนักการศึกษาอื่นๆ
นอกจากแบบจำลองการพัฒนาหลักสูตรที่กล่าวถึงแล้ว
ยังมีแบบจำลองการพัฒนาหลักสูตรตามแนวคิดของนักการศึกษาและนักพัฒนาการอื่นๆ อีก
เช่น เซเลอร์ และ อเล็กซานเดอร์ (Saylor and Alexander)
และลีวีส (Saylor Alexander and Lewis) พริ้นท์ (Print) และโอลิวา (Oliva)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น